GULF จับมือจีน เซ็นขายไฟพลังงานน้ำให้ กฟผ. ระยะยาว 29 ปี
บริษัทร่วมทุน GULF- RATCH จ้างต่างชาติจัดหาก๊าซฯ ป้อนโรงไฟฟ้าใหม่ในราชบุรี
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า จากกรณีบริษัทฯ และ China Datang Overseas Investment Co., Ltd. (CDTO) ภายใต้เครือของ China Datang Corporation Ltd. เป็นรัฐวิสาหกิจและบริษัทพลังงานของสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pak Beng (โครงการ Pak Beng) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 912 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บนแม่น้ำโขง เมืองปากแบ่ง แขวงอุดมไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และจะทำการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดให้แก่ กฟผ. นั้น
ล่าสุด เมื่อ 13 ก.ย. 66 ที่ผ่านมาPak Beng Power Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GULF และ CDTO ที่ดำเนินโครงการ Pak Beng ได้เข้าลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า กับ กฟผ. เป็นที่เรียบร้อย โดยสัญญาดังกล่าวมีระยะเวลา 29 ปี นับจากวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ และมีอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่ 2.7129 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง
ทั้งนี้ โครงการ Pak Beng มีมูลค่าการลงทุน 100,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาเงินกู้กับสถาบันการเงิน โดยคาดว่าจะสามารถปิดการจัดหาเงินกู้ได้ภายในปลายปี 67 และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 8 ปี โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2576
สำหรับโครงการ Pak Beng เป็นโครงการที่ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลและสภาแห่งชาติสปป.ลาว ซึ่งได้ลงนามสัญญาสัมปทาน กับรัฐบาลสปป.ลาว เมื่อวันที่ 11 ส.ค.66 ที่ผ่านมา
โดยภายใต้ MOU ประเทศไทยจะซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นในสปป.ลาว และเชื่อมโยงผ่านระบบส่งไฟฟ้าระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีกรอบปริมาณความร่วมมือในการซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 10,500 เมกะวัตต์ มีโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว 5,935 เมกะวัตต์ จำนวน 11 โครงการ โครงการที่ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว 3,060 เมกะวัตต์ จำนวน 3 โครงการ และโครงการที่ลงนามบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้าแล้ว 815 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โครงการ
โครงการ Pak Beng เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบน้ำไหลผ่านตลอดปี ไม่มีการกักเก็บน้ำในรูปแบบของเขื่อนประเภทอ่างเก็บน้ำ และไม่มีการเบี่ยงน้ำออกจากแม่น้ำโขง จึงไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง
หุ้น GUFL เปิดตลาดเช้าวันที่ 22 ก.ย. 66 ราคาอยู่ที่ 46.75บาทต่อหุ้น มูลค่าปรับเพิ่มขึ้นกว่า3% จากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ได้ระบุในบทวิเคราะห์ คาดกำไรปกติของ GULF ทั้งปี 66 อยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้ย 29.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้ปัจจัยหนุนจากการรับรู้โครงการใหม่ราว 1,500 เมกะวัตต์ (MWe) ที่เริ่มทยอยจ่ายไฟเข้าในปีนี้ตามแผน ประกอบกับอัตรากำไรขั้นของกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ที่ปรับตัวดีขึ้น จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยทั้งปีลดลง และ Ft เฉลี่ย ที่อยู่ในระดับสูงกว่าปี 2565
ขณะที่งวดไตรมาส 3 ปี 66 คาดกำไรปกติทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ปี 66 แต่จะเห็นการเติบโตขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาส ที่จะเกิดขึ้นในไตรมาส 4 ปี 66 ซึ่งจะรับรู้โครงการ GPD phase 2 เข้ามาในไตรมาสแรก และส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมคาดจะมีผลประกอบการดีขึ้นจากการเริ่มเข้าสู่ไฮซีซั่น (high season) ของลมทั้งในประเทศไทย และเยอรมนี
โปรแกรมวอลเลย์บอลหญิงไทย กับภารกิจอีก 3 นัด ศึกคัดโอลิมปิก 2024
โปรแกรมการแข่งขันกีฬา เอเชียนเกมส์ 2022 ประจำวันศุกร์ที่ 22 ก.ย. 66 คำพูดจาก สล็อต777