ตามที่ชาติอาเซียน เห็นพ้องเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2034 โดยสำหรับประเทศไทย รัฐบาลมอบหมายให้ ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา ในฐานะเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกีฬาของอาเซียน เป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งในเวทีการประชุมระดับรัฐมนตรีกีฬาของชาติอาเซียน ได้ให้ประเทศไทยรับหน้าที่ในการเป็นผู้นำการเสนอตัว
ล่าสุด ดร.นิวัตน์ เผยความคืบหน้าว่า ชาติที่เข้าร่วมด้วย หลักๆ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย โดยมีสิงคโปร์ กับเวียดนาม กำลังจะเข้าร่วม มอบหมายให้ไทยเป็นแกนนำในการผลักดัน จากนั้นจึงเป็นเรื่องของกรอบการทำงาน ความร่วมมือ เพื่อให้แต่ละประเทศนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีของตัวเอง แต่เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดปัญหาโควิด-19 ทำให้การทำงานร่วมกันนั้นค่อนข้างยาก
อธิบดีกรมพลศึกษา กล่าวต่อไปว่า ไทยได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมีท่านปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธาน และตนเองเป็นรองประธานคณะกรรมการ มีหน่วยงานอื่นเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นการกีฬาแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทั้งนี้ สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ) ยินดีให้ความร่วมมือ จากนั้นจะทำเรื่องไปยังสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ตนเชื่อว่า เอเอฟซีพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ
ดร.นิวัตน์ กล่าวต่อไปว่า แต่การหารือฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายปี 2034 จะเป็นวงรอบที่กลับมาให้ชาติเอเชียเป็นเจ้าภาพ จึงจะมีชาติอื่นในทวีปเอเชีย ที่สนใจ ตอนนี้ทราบมาว่าประเทศจีน กำลังเตรียมแผนชิงจัดฟุตบอลโลก 2034 เช่นเดียวกัน ทำให้โอกาสที่เอเอฟซีจะเข้าข้างชาติอาเซียนแบบเต็มตัวนั้นลำบาก เพราะจำเป็นต้องวางตัวเป็นกลาง แต่เท่าที่ได้คุยกับทางเอเอฟซี พร้อมสนับสนุนชาติอาเซียนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ดร.นิวัตน์ กล่าวต่อไปว่า ปลายเดือน ต.ค. จะมีการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกีฬาของชาติอาเซียนที่ภูเก็ต จะนำเรื่องนี้ไปหารือ การเสนอตัวครั้งนี้ประเทศไทย ได้เปรียบชาติอื่นในอาเซียนทุกด้าน ยกเว้นสนามจัดการแข่งขันที่เป็นรอง เพราะตอนนี้ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย มีสนามขนาดใหญ่หลายสนาม ฉะนั้นตนคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะนำเสนอในการปรับปรุงหรือพัฒนาในเรื่องของสนามขนาดใหญ่
“อย่างสนามศุภชลาศัย ถึงจะปรับปรุง แต่เต็มที่คงเป็นได้เพียงสนามแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่ม เช่นเดียวกับราชมังคลากีฬาสถาน คงต้องปรับขนานใหญ่ หากจะใช้สำหรับพิธีเปิดหรือพิธีปิด ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ประเทศไทยจะหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับการสร้างสนามขนาดใหญ่เพื่อรองรับการแข่งขันหรือมหกรรมกีฬาใหญ่ๆ” ดร.นิวัตน์ กล่าว พร้อมทั้งระบุว่า สำหรับไทย ในฐานะผู้นำหลักในการเสนอตัวจัดบอลโลก จะต้องได้จัดสนามเปิด หรือสนามปิดการแข่งขัน โดยตอนนี้ กกท. มีแผนที่สร้างสนามเออีซี ที่ชลบุรี ส่วน กรมพลศึกษา เตรียมแผนสำหรับการสร้างสนามบนเนื้่อที่ราว 450 ไร่ ที่ จ.สมุทรปราการ